ยางรถยนต์ ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันนี้ มีสองประเภทคือ ยางธรรมดา และ ยางเรเดียลซึ่งยางทั้งประเภทนี้ก็จะมีความแตกต่างกันอยู่ ซึ่งนอกจากประเภทของยางแล้วยังจะมีรูปแบบที่ต่างกันอีกนั่นก็คือ แบบมียางใน และไม่มียางใน ส่วนเรื่องที่ว่าจะแตกต่างกันอย่างไรนั้นลองมาดูกันเลย
ยางธรรมดา โครงสร้างจะประกอบไปด้วย ชั้นผ้าใบที่ซ้อนทับกันแบบไขว้ไปมา ซึ่งความแข็งแรงนั้นก็ขึ้นอย่กับจำนวนผ้าใบที่ซ้อนทับกันไปมา โดยข้อดีของยางธรรมดาก็คือ การบังคับทิศทางในการเลี้ยวขณะที่ใช้ความเร็วต่ำได้ง่าย ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลในการขับขี่ ที่สำคัญคือมีราคาถูก ข้อเสียคือ ถ้าหากโดนของมีคมตำ อาจจะทำให้ง่ายต่อการแตกหรือระเบิดสูงยางเรเดียล นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน โครงสร้างจะเป็น ชั้นผ้าใบที่พันรอบยางอีกที ใต้ดอกยางยังมีการเสริมความแข็งแกร่งด้วยแถบใยเหล็ก มีความยืดหยุ่นสูง และแข็งแรง มีการยึดเกาะถนนได้ดีกว่ายางธรรมดา แต่การขับขี่หรือบังอาจจะไม่สบายเท่ายางธรรมดา สังเกตได้จากการสัมผัสบนถนนที่มีพื้นผิวไม่เรียบ และมีราคาแพงกว่ายางธรรมดายางแบบใช้ยางใน ยางประเภทนี้จะมีอันตรายอยู่ตรงที่หากเกิดของมีคมทิ่มหรือตำ โอกาสที่ยางระเบิดนั้นมีสูงมากๆ เรียกว่าอาจจะระเบิดในทันทีที่โดนตำเลยก็ว่าได้ยางแบบไม่ใช้ยางใน ยางประเภทนี้จะมีชั้นเนื้อยางที่เรียกว่า Inner Liner อยู่ภายในซึ่งเจ้า Inner Liner จะทำหน้าที่ป้องกันการรั่วซึมของยาง หมดห่วงเรื่องยางระเบิดได้เลย ข้อดีของยางประเภทนี้คือ เป็นยางที่มีน้ำหนักค่อนข้างเบา มีการระบายความร้อนได้ดีกว่ายางธรรมดา ถ้าหากในกรณีที่โดนของมีคมตำ ยางจะไม่มีการระเบิดหรือแตก แต่ลมจะค่อยๆซึมออกไป และสามารถขับต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง ในกรณีที่ต้องการอุดรูรั่ว ก็สามารถทำได้เลยโดยที่ไม่ต้องทำการถอดล้อ ส่วนข้อเสียก็คือ หากมีรอยรั่วที่ใหญ่ การปะซ่อมแซมอาจจะเอาไม่อยู่
Comments